ทักษะสำหรับโลกอนคต
ในศตวรรษที่ 21 การเรียนแบบท่องจำ
และการเรียนเพื่อรู้แต่ข้อมูล (information) เพียงอย่างเดียว
จะมีประโยชน์น้อยลงทุกที หรือเรียกได้ว่า ความรู้จาก 1i ไม่เพียงพอ
แต่ต้องปรับเป็น 4i คือ
(i)magination – จินตนาการ
(i)nspiration – แรงดลใจ
(i)nsight – ความเข้าใจลุ่มลึก
(i)ntuition – ญานทัศน์
การหยั่งรู้
เพราะเรากำลังเจอโจทย์ท้าทายแห่งยุค
ในการพัฒนาคนให้พร้อมสำหรับ “งานที่ยังไม่มีในวันนี้
โดยต้องใช้เทคโนโลยีที่ยังไม่เกิด เพื่อแก้ปัญหาที่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร”
การเรียนในโลกอนาคตจะประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ
1.ทัศนคติ+อุปนิสัย Attitude
2. ทักษะ
Skill
3. ความรู้
Knowledge
การเรียนการสอนในโลกอนาคต ไม่ใช่ครูเป็นศูนย์กลาง
แต่เป็นเด็กที่เป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ เพราะ
ครูจะต้องสอนให้เด็กเข้าใจและสามรถนำไปใช้ให้เกิดการพัฒนาได้
โดยจะไม่สอนเพียงในตำรา
หรือเน้นเฉพาะองค์ความรู้อย่างเดียว แต่สอนให้เขาได้เรียนรู้ด้วยตนเอง
จากการค้นคว้า และได้ลงมือปฏิบัติจริง
การเรียนแบบโลกอนาคตจะมีลักษณะเป็นแบนี้
จึงจะสามรถให้เด็กเกิดการเรียนรู้มากที่สุด
7 ทักษะที่เด็กๆ ต้องเรียนรู้
เพื่อรับมือกับโลกของการทำงานในอนาคต
Dr.Tony Wagner ผู้ดำรงตำแหน่ง
Co-director แห่ง Harvard’s Change Leadership Group ได้ออกมาระบุถึง 7 ทักษะที่เด็กๆ
ทุกคนทั่วโลกต้องเรียนรู้เพื่อให้รองรับต่อการทำงานในอนาคตที่เปลี่ยนไปจากปัจจุบันเป็นอย่างมากเอาไว้ในหนังสือ
The Global Achievement Gap ซึ่งทาง World Economic
Forum ได้นำมาถ่ายทอดต่อ และทางทีมงาน TechTalkThai เห็นว่าเป็นเนื้อหาที่มีประโยชน์
1. การคิดอย่างเป็นระบบและการแก้ไขปัญหา
การแข่งขันของธุรกิจนั้นคือการปรับปรุงผลิตภัณฑ์, กระบวนการ และบริการให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทักษะทางด้านการคิดอย่างเป็นระบบ (Critical Thinking) และการแก้ไขปัญหาได้นั้นถือเป็นทักษะสำคัญที่จะนำไปสู่การตั้งคำถามที่ถูกต้อง
และการค้นหาสาเหตุของปัญหาพร้อมทำการแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. ความเป็นผู้นำและการจูงใจผู้อื่น
การสื่อสาร, ความเป็นผู้นำ
และความสามารถในการจูงใจผู้อื่นเพื่อให้สามารถทำงานเป็นทีมได้นั้นก็เป็นอีกทักษะที่นับวันจะยิ่งสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยหัวใจสำคัญของการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพนั้นคือการมีความสร้างสรรค์ในการแก้ไขปัญหา
และการทำงานอย่างมีจริยธรรม
3. การเรียนรู้และการปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
ความสามารถในการปรับตัวและการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ
ด้วยตัวเองได้อย่างรวดเร็วนั้นสำคัญอย่างมากต่อการประสบความสำเร็จ
เพื่อให้สามารถทำการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และปรับใช้เครื่องมือใหม่ๆ
ในการแก้ไขปัญหาที่ไม่เคยแก้ไขมาก่อนได้อย่างรวดเร็ว
4. การริเริ่มและการเป็นผู้ประกอบการ
ความกล้าที่จะริเริ่มทดลองทำสิ่งใหม่ๆ
และยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
รวมถึงการก้าวข้ามความล้มเหลวให้ได้นั้นถือเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อการทำธุรกิจในอนาคตเป็นอย่างมาก
เพราะจะทำให้มีโอกาสมากกว่าผู้ที่ริเริ่มทำอะไรน้อยกว่าอย่างชัดเจน
5. การสื่อสารด้วยวาจาและการเขียนอย่างมีประสิทธิภาพ
ความสามารถในการอธิบายความคิดของตนเองให้ได้อย่างชัดเจนนั้นเป็นทักษะสำคัญหนึ่งที่เหล่าผู้นำทางธุรกิจหลายคนมีร่วมกัน
โดยประเด็นนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับแค่การใช้ภาษาให้ถูกต้อง
แต่มุ่งเน้นไปที่การสื่อสารให้ผู้อื่นเข้าใจได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะผ่านการเขียน
หรือการนำเสนอก็ตาม เพราะความคิดจะดีแค่ไหน
แต่หากสื่อสารออกมาไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์
6. การเข้าถึงและการวิเคราะห์ข้อมูล
ในอนาคตการทำงานนั้นจะต้องอาศัยข้อมูลมากยิ่งขึ้นกว่าในปัจจุบัน
ดังนั้นความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อนำองค์ความรู้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์หรือแก้ไขปัญหานั้นจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
7. ความช่างสงสัยและจินตนาการ
สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ
และแก้ไขปัญหาที่ไม่เคยแก้ไขมาก่อน ซึ่งเด็กในวัยก่อนสิบขวบนั้นจะมีความช่างสงสัยอยู่ตลอดเวลา
แต่เมื่ออายุเกินสิบขวบแล้ว เด็กๆ ก็จะเริ่มกังวลถึงการตอบคำถามให้ได้ถูกต้อง
มากกว่าการถามคำถามที่ดี
หน้าที่ของผู้ปกครองและครูในปัจจุบันจึงควรเปลี่ยนเป็นการทำให้เด็กๆ
ยังกล้าที่จะถาม และมีจินตนาการให้มากที่สุดต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น